การเตรียมตัวซื้อบ้านหลังแรกมีขั้นตอนอย่างไร ?
“บ้านหลังแรก” คือหนึ่งในเป้าหมายสำคัญในชีวิตของมนุษย์เงินเดือนหลายคน เพราะไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่ยังเป็นหลักฐานของความสำเร็จ รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างครอบครัว อย่างไรก็ดี การซื้อบ้านไม่ใช่แค่เดินเข้าโครงการแล้วเลือกบ้านหลังที่ถูกใจแล้วจบไปเท่านั้น แต่จำเป็นจะต้องมีการวางแผนซื้อบ้านอย่างรอบด้าน ตั้งแต่การขอสินเชื่อ คิดถึงอัตราดอกเบี้ย ตลอดจนภาระหนี้ในอนาคต ซึ่งมีความซับซ้อนที่ต้องวางแผนให้ดี ดังนั้น บทความนี้จะมาเป็น “คู่มือฉบับมนุษย์เงินเดือน” ที่จะมาอธิบายการเตรียมตัวซื้อบ้านให้ครบทุกขั้นตอนแบบเข้าใจง่าย พร้อมเทคนิคที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง

ขั้นตอนที่ 1: ประเมินสถานะการเงินส่วนตัว
- การวิเคราะห์รายได้และรายจ่าย เส้นทางการมีบ้านในฝันต้องเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจ “สถานะการเงิน” ของตัวเองอย่างรอบด้าน แนะนำให้ทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายแบบละเอียดทุกเดือน เพื่อดูว่าเหลือเงินออมเท่าไรต่อเดือน และต้องเก็บเงินซื้อบ้านนานแค่ไหนถึงจะพอค่าดาวน์ รวมถึงค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่สูงขึ้นเมื่อต้องผ่อนบ้าน โดยทั่วไป ค่าใช้จ่ายผ่อนบ้านรวมกับภาระหนี้อื่น ๆ ไม่ควรเกิน 40% ของรายได้รวม เพื่อให้การผ่อนในระยะยาวไม่กระทบคุณภาพชีวิต
- การสร้างเครดิตสกอร์ที่ดี หากคุณวางแผนจะขอสินเชื่อจากธนาคารในอนาคต การมีประวัติเครดิตที่ดีคือสิ่งจำเป็น ดังนั้น จึงไม่ควรค้างชำระบัตรเครดิต ไม่มีภาระหนี้สูงเกินไป และควรมีรายได้สม่ำเสมออย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนถูกนำมาพิจารณาในการอนุมัติวงเงินกู้ทั้งสิ้น
ขั้นตอนที่ 2: กำหนดงบประมาณและเป้าหมาย
- การคำนวณงบประมาณที่เหมาะสม สูตรง่าย ๆ ที่นิยมใช้ในการวางแผนซื้อบ้านคือ: ราคาบ้านที่เหมาะสม = รายได้ต่อปี × 5 (โดยประมาณ) หรือถ้าใช้สูตรผ่อนบ้านรายเดือนไม่เกิน 35-40% ของรายได้ ก็สามารถนำมาคำนวณแบบ Reverse ได้ เช่น ถ้ามีรายได้ 40,000 บาทต่อเดือน ควรผ่อนได้ไม่เกิน 16,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจะสอดคล้องกับบ้านราคาประมาณ 2.5–3 ล้านบาท (ผ่อน 30 ปี ดอกเบี้ยเฉลี่ย 6%)
- การเลือกทำเล การวางแผนซื้อบ้านที่ดีไม่ใช่ดูแค่ดีไซน์การออกแบบที่สวยตรงใจ แต่ควรตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และการเดินทางในชีวิตประจำวันด้วย ดังนั้นจึงควรพิจารณา ทำเลใกล้รถไฟฟ้า ทางด่วน แหล่งงาน หรือย่านที่มีศักยภาพเติบโตในอนาคต เช่น พื้นที่ที่มีการพัฒนาโครงการ Mega Project หรือย่านที่บริษัทใหญ่ ๆ ย้ายสำนักงานใหญ่มาเปิดใหม่
ขั้นตอนที่ 3: เลือกประเภทที่อยู่อาศัย
บ้านเดี่ยว vs คอนโดมิเนียม
- บ้านเดี่ยว ให้ความเป็นส่วนตัวสูง พื้นที่ใช้สอยมาก เหมาะสำหรับครอบครัวหรือคนที่ต้องการพื้นที่ใช้ชีวิตกว้างขวาง
- คอนโดมิเนียม เหมาะสำหรับคนเมืองที่ต้องการความสะดวกในการเดินทาง ทำเลดีในราคาจับต้องได้ง่ายกว่า
บ้านใหม่ vs บ้านมือสอง
- บ้านใหม่ ได้มาตรฐานจากโครงการ พร้อมบริการหลังการขาย มีความปลอดภัยเรื่องโครงสร้าง
- บ้านมือสอง มักราคาถูกกว่า แต่ต้องประเมินสภาพอย่างรอบคอบ และอาจมีค่าใช้จ่ายในการรีโนเวตเพิ่มเติม
ขั้นตอนที่ 4: เปรียบเทียบสินเชื่อบ้าน
การเลือกธนาคารไม่ใช่แค่ดูว่าให้กู้ผ่านหรือไม่ แต่ต้องเปรียบเทียบเงื่อนไขต่าง ๆ ด้วย เช่น
- อัตราดอกเบี้ยบ้าน โดยมักแบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่
- ดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Rate) ในช่วง 1–3 ปีแรก ซึ่งจะช่วยให้คุณวางแผนค่าใช้จ่ายได้ชัดเจน
- ดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate) หลังจากนั้น จะอิงกับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของแต่ละธนาคาร เช่น MRR หรือ MLR
- การเปรียบเทียบต้องพิจารณาทั้งสองช่วง เพื่อดูภาพรวมภาระที่แท้จริงในระยะยาว
- ระยะเวลาการผ่อนชำระ ส่วนใหญ่สูงสุดที่ 30 ปี โดยยิ่งผ่อนนาน ค่างวดต่อเดือนจะยิ่งลดลง แต่จำนวนดอกเบี้ยรวมที่ต้องจ่ายตลอดอายุสัญญาจะสูงขึ้น จึงควรเลือกให้เหมาะกับกระแสเงินสดของคุณในแต่ละเดือน
- ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ เช่น ค่าจดจำนอง (1% ของวงเงินกู้), ค่าประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์, ค่าดำเนินการ หรือค่าประกันภัยทรัพย์สิน อาจแตกต่างกันเล็กน้อยแต่โดยรวมแล้วมีผลต่อแผนการเก็บเงินซื้อบ้านไม่น้อย
- โปรโมชันจากธนาคารและโครงการ เช่น ดอกเบี้ยพิเศษ 0% ปีแรก ฟรีค่าจดจำนอง หรือฟรีประกัน MRTA (ประกันวงเงินกู้) สามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในช่วงแรกได้อย่างมีนัยสำคัญ ควรเปรียบเทียบอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ
การเปรียบเทียบสินเชื่อจากหลายสถาบันถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการเตรียมตัวซื้อบ้าน เพราะจะช่วยให้คุณได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุด โดยอาจใช้เว็บไซต์ Aggregator หรือปรึกษาที่ปรึกษาด้านสินเชื่อบ้านเพื่อช่วยเปรียบเทียบ

ขั้นตอนที่ 5: ขั้นตอนการสมัครสินเชื่อ
เอกสารที่จำเป็น
- สำเนาบัตรประชาชน / สำเนาทะเบียนบ้าน
- สลิปเงินเดือนล่าสุด / หนังสือรับรองเงินเดือน
- Statement ย้อนหลัง 6 เดือน
- สำเนาสัญญาซื้อจะขาย / ใบจองบ้าน
- เอกสารอื่น ๆ เช่น รายการผ่อนชำระบัตรเครดิต สินเชื่ออื่น ๆ (ถ้ามี)
กระบวนการอนุมัติ
เมื่อยื่นเอกสารครบแล้ว ธนาคารจะใช้เวลาตรวจสอบและอนุมัติสินเชื่อประมาณ 7 วัน - 1 เดือน โดยดูจากรายได้ ภาระหนี้ และประวัติเครดิต หากผ่านการอนุมัติจะได้รับหนังสือแจ้งวงเงินกู้ เพื่อใช้ดำเนินการจดจำนองต่อไป
ขั้นตอนที่ 6: การตรวจสอบและปิดการขาย
- การตรวจสอบบ้าน ไม่ว่าจะซื้อบ้านเดี่ยวหรือคอนโดมิเนียม ควรตรวจเช็กสภาพก่อนโอนทุกครั้ง เช่น ระบบไฟฟ้า น้ำประปา พื้น ผนัง วัสดุก่อสร้าง รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ หากพบข้อบกพร่อง ควรแจ้งให้โครงการแก้ไขก่อนทำการโอน
- ปิดดีล เริ่มต้นมีบ้านในฝันเป็นของตัวเอง ขั้นตอนสุดท้ายในการเตรียมตัวซื้อบ้านคือการโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองที่กรมที่ดิน โดยผู้กู้จะต้องเตรียมเงินส่วนต่าง (ถ้ามี), ค่าธรรมเนียม และค่าประกันอัคคีภัย ซึ่งธนาคารอาจกำหนดเป็นเงื่อนไขแนบในการอนุมัติสินเชื่อ จากนั้นเมื่อดำเนินการเรียบร้อย คุณก็จะได้เป็น “เจ้าของบ้าน” อย่างแท้จริง
ไม่จำเป็นต้องร่ำรวยหรือมีเงินก้อนใหญ่ มนุษย์เงินเดือนก็สามารถมีบ้านในฝันเป็นของตัวเองได้ เพียงแค่รู้จักการวางแผนเก็บเงินซื้อบ้านที่ชัดเจนและมีวินัยในการออมก็เพียงพอแล้ว โดยหากคุณกำลังมองหาโครงการบ้านเดี่ยวหรือคอนโดที่ตอบโจทย์ทั้งด้านราคา ทำเล ไลฟ์สไตล์ และดีไซน์ที่คิดมาเพื่อชีวิตคนเมืองโดยเฉพาะ สามารถเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ Noble Development เพื่อดูรายละเอียดโครงการเพิ่มเติม และรับข้อเสนอพิเศษได้แล้ววันนี้
ข้อมูลอ้างอิง
- “ซื้อบ้าน” หลังแรก กับหลักวางแผนการเงิน รายได้เหยียบแสน แต่ไม่หยุด สร้างหนี้ใหม่ ก็อาจเป็นแค่ฝัน. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 จาก https://www.thairath.co.th/money/personalfinance/financialplanning/2815780
- อยากมีบ้านต้องรู้! ส่องสูตรคำนวณกู้เงินซื้อบ้านสุด EASY. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 จาก https://www.krungsri.com/th/krungsri-the-coach/loan/mortgages/calculate-salary-for-home-loan
- What Percentage Of My Income Should Go To My Mortgage?. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 จาก https://www.forbes.com/uk/advisor/mortgages/percentage-of-income-for-mortgage