คอนโด High Rise หรือ Low Rise เลือกที่ใช่ อยู่สบายชัวร์

คอนโดมิเนียมถือเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองอย่างแท้จริง โดยเฉพาะคอนโด High Rise ที่มักได้รับความนิยมสูงจากทั้งผู้ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและนักลงทุน อย่างไรก็ตาม หลายคนยังลังเลระหว่างการเลือกซื้อคอนโด High Rise กับ Low Rise เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและนำไปสู่การตัดสินใจที่ง่ายขึ้น เราจะมาเจาะลึกถึงความแตกต่าง พร้อมคู่มือพิจารณาก่อนตัดสินใจว่าคุณเหมาะกับคอนโดแบบไหนกันแน่

ตัวอย่างคอนโด High Rise ที่มีความสูงอาคารเกิน 23 เมตรขึ้นไป

คอนโด High Rise ความสูงเกิน 23 เมตร ยูนิตเยอะ Facilities ครบ

คอนโด High Rise คือคอนโดที่มีความสูงตั้งแต่ 23 เมตรขึ้นไป โดยมักตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นย่านใจกลางเมืองหรือย่านธุรกิจ ซึ่งมีการเชื่อมต่อที่สะดวกสบายกับระบบขนส่งมวลชน เช่น รถไฟฟ้า BTS หรือ MRT ทำให้การเดินทางเข้าออกเมืองสะดวกและรวดเร็ว คอนโดประเภทนี้มักมีจำนวนยูนิตเยอะเนื่องจากพื้นที่ในอาคารสูงทำให้สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้มากนั่นเอง

ข้อกำหนดด้านกฎหมาย

ข้อกำหนดของพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร กำหนดให้คอนโดที่มีความสูงเกิน 23 เมตรขึ้นไป หรือมีพื้นที่ภายในอาคารรวมกันเกิน 10,000 ตารางเมตร ต้องมีพื้นที่ว่างไม่น้อยกว่า 30% ของพื้นที่ทั้งหมด และต้องมีระยะห่างจากที่ดินของผู้อื่น 6 เมตรขึ้นไป

หากภายในอาคารมีพื้นที่ใช้สอยน้อยกว่า 30,000 ตารางเมตร ที่ดินด้านใดด้านหนึ่งต้องมีความยาวขั้นต่ำ 12 เมตร และต้องตั้งอยู่ติดกับถนนสาธารณะที่มีความกว้างมากกว่า 10 เมตร ซึ่งเชื่อมไปสู่เส้นทางสาธารณะที่มีความกว้างมากกว่า 10 เมตรเช่นกัน แต่สำหรับอาคารที่มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า 30,000 ตารางเมตร ต้องมีที่ดินด้านหนึ่งยาวขั้นต่ำ 18 เมตร และอยู่ติดกับถนนสาธารณะที่เชื่อมไปสู่ถนนเส้นอื่นที่มีความกว้างมากกว่า 18 เมตร

จุดเด่นของคอนโด High Rise

  • ได้รับวิวทิวทัศน์กว้างขวางจากมุมสูงอย่างเต็มอิ่ม ช่วยเติมเต็มบรรยากาศการอยู่อาศัยและพักผ่อนท่ามกลางเมืองใหญ่
  • มักมีพื้นที่ส่วนกลางที่หลากหลายและครบครัน เช่น สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, ห้องประชุม, ห้องสมุด, ห้องโยคะ และสวนพักผ่อน เพิ่มความสะดวกสบายและรองรับไลฟ์สไตล์รอบด้าน
  • เดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองและสถานที่ต่าง ๆ ได้สะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งงาน ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา สถานที่ราชการ หรือสถานที่อื่น ๆ
  • ตั้งอยู่ในทำเลที่มีความต้องการด้านการอยู่อาศัยสูง ทำให้มูลค่าของทรัพย์สินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น หรือหากต้องการปล่อยเช่าก็ทำได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

คอนโด Low Rise สูงไม่เกิน 8 ชั้น เป็นส่วนตัว ราคาเอื้อมถึง

คอนโด Low Rise คือคอนโดที่มีความสูงไม่เกิน 8 ชั้น มักตั้งอยู่ในซอยหรือถนนรองที่มีความกว้างตั้งแต่ 6 เมตรขึ้นไป ทำให้มีความสงบและเป็นส่วนตัวมากกว่าคอนโดแบบ High Rise เนื่องจากยูนิตและจำนวนผู้พักอาศัยน้อยกว่า

ข้อกำหนดด้านกฎหมาย

สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมที่มีความสูงไม่เกิน 8 ชั้น กฎหมายกำหนดให้มีที่ว่างภายนอกอาคารขั้นต่ำ 30% ของชั้นที่มีพื้นที่กว้างที่สุดของอาคาร ด้านที่ติดกับที่ดินอื่นต้องมีช่องเปิด ประตู หน้าต่าง หรือช่องระบายอากาศ และหากสูงเกิน 9 เมตรแต่ไม่เกิน 23 เมตร ผนังหรือที่ดินต้องอยู่ห่างจากเขตที่ดินขั้นต่ำ 3 เมตร

จุดเด่นของคอนโด Low Rise

  • มีความเป็นส่วนตัวสูง พื้นที่ไม่แออัด ทำให้ผู้พักอาศัยแต่ละคนมีพื้นที่ส่วนตัว รวมทั้งใช้งานพื้นที่ส่วนกลางได้สะดวกกว่า
  • มักตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เงียบสงบ ห่างไกลจากความวุ่นวาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสงบในการพักผ่อน
  • พื้นที่ส่วนกลางขนาดกะทัดรัด ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการส่วนกลางต่ำ ค่าส่วนกลางที่ผู้พักอาศัยต้องจ่ายจึงลดลงตามไปด้วย

ตัวอย่างคอนโด Low Rise ที่มีความสูงไม่เกิน 8 ชั้น

คู่มือพิจารณา ตัดสินใจเลือกคอนโด High Rise หรือ Low Rise ดี ?

จากข้อมูลและจุดเด่นของคอนโดทั้ง 2 ประเภทที่อธิบายไปข้างต้น กล่าวได้ว่าทั้งคอนโด High Rise และ Low Rise ต่างก็มีจุดเด่นกันคนละแบบ ซึ่งการจะเลือกคอนโดที่ตรงกับความต้องการก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย หากยังไม่รู้ว่าตัวคุณเหมาะกับโครงการแบบไหน แนะนำให้พิจารณาจากเช็กลิสต์เหล่านี้

1. ทำเลที่ตั้ง

คอนโด High Rise มักตั้งอยู่ในย่านธุรกิจหลักใจกลางเมือง เช่น ทองหล่อ สีลม สาทร เพลินจิต รายล้อมด้วยรถไฟฟ้าและสถานที่สำคัญต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า แหล่งงาน สถานศึกษา ในขณะที่คอนโด Low Rise ส่วนใหญ่อยู่ในซอยหรือถนนรองที่มีความเงียบสงบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงความพลุกพล่าน แต่ยังเดินทางได้สะดวก

2. งบประมาณ

เนื่องจากโครงการ High Rise ตั้งอยู่ในทำเลที่ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยสูงและมีจำนวนยูนิตเยอะ ค่าใช้จ่ายในการสร้างและบริหารจัดการจึงสูงกว่า ทำให้ราคาคอนโดสูงขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่โครงการ Low Rise มักมีราคาต่อยูนิตที่ต่ำกว่า ตอบโจทย์ผู้ที่มีงบประมาณจำกัด

3. ไลฟ์สไตล์

คอนโด High Rise เหมาะกับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายจากส่วนกลาง เช่น ฟิตเนส, สระว่ายน้ำ และห้องประชุม ทำให้เดินทางไปในสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่โครงการ Low Rise เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสงบและความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ต้องเผชิญกับความแออัดหรือการจราจรที่หนาแน่น

4. เป้าหมายในการซื้อ

หากคุณต้องการซื้อเพื่อลงทุนทำกำไร โครงการ High Rise ถือเป็นคำตอบที่ดีกว่า เพราะตั้งอยู่ในทำเลที่มีความต้องการสูง เหมาะสำหรับการปล่อยเช่าให้กับกลุ่มผู้เช่าที่ทำงานในเมืองหรือกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาพักระยะสั้น อีกทั้งยังมีโอกาสเพิ่มมูลค่าได้ดีกว่า จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในบริเวณใกล้เคียง

5. สิ่งอำนวยความสะดวก

เมื่อพูดถึงพื้นที่ส่วนกลาง โครงการ High Rise ที่มีพื้นที่เยอะกว่า ย่อมมีส่วนกลางที่ครบครันกว่า ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส, สระว่ายน้ำ, ห้องประชุม ไปจนถึงส่วนกลางอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมือง มอบทั้งความสะดวกสบายและการดูแลสุขภาพไปพร้อม ๆ กัน ส่วนคอนโด Low Rise อาจมีพื้นที่ส่วนกลางที่จำกัด แต่ยังถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันอยู่

6. ประสบการณ์ในการอยู่อาศัย

สุดท้าย จะเลือกโครงการประเภทไหน ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ต้องการ โดยคอนโดแบบ High Rise มักให้วิวทิวทัศน์ที่สวยงาม บรรยากาศโปร่ง โล่ง สบายตา รองรับทุกความต้องการได้สมบูรณ์ ส่วนคอนโด Low Rise เน้นความเป็นส่วนตัว ไม่แออัด เข้าถึงส่วนกลางและลิฟต์ได้สะดวก เนื่องจากมีผู้อยู่อาศัยน้อย

ศักยภาพในการปล่อยเช่าและการลงทุนต่อยอด

นอกเหนือจากการตัดสินใจซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัยเองแล้ว ศักยภาพด้านการลงทุนก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญในการเลือกว่าจะซื้อคอนโด High Rise หรือ Low Rise ซึ่งปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการต่อยอด ได้แก่

  • ความนิยมของผู้เช่าในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย

    ◦ ชาวต่างชาติที่มาทำงานในประเทศไทย (Expat) มักเลือกโครงการ High Rise ในทำเลใกล้ย่านธุรกิจหรือศูนย์กลางการค้า เดินทางไปทำงานสะดวก ส่วนกลางครบครัน

    ◦ คนวัยทำงาน นิยมเช่าคอนโด Low Rise ที่มีราคาเข้าถึงได้ และมีส่วนกลางเบื้องต้นที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต

    ◦ ครอบครัว มองหาคอนโดที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและอยู่ใกล้สถานศึกษา ศูนย์การค้า และโรงพยาบาล

  • ความยืดหยุ่นในการรีโนเวตและการเปลี่ยนรูปแบบการใช้งาน เช่น โครงการที่มีห้องอเนกประสงค์ สามารถปรับเป็นห้องนอนเด็กหรือห้องทำงานที่สอดคล้องกับเทรนด์ Work from Home ย่อมต่อยอดได้ดีกว่าคอนโดที่มีพื้นที่จำกัด

  • แนวโน้มการปรับตัวของราคาขายและค่าเช่าในระยะ 5-10 ปี ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคา ได้แก่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การขยายตัวของสถานีรถไฟฟ้า และการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบ

  • ความน่าสนใจของโครงการในสายตานักลงทุน โดยเฉพาะในทำเลที่มีการพัฒนาอยู่เสมอ ศักยภาพการเติบโตย่อมสูงกว่าทำเลอื่น ๆ บวกกับการออกแบบที่ใช้งานได้จริง ทำให้สร้างรายได้จากค่าเช่าได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนจากการลงทุนอสังหาฯ ในระยะยาวด้วย

คอนโด High Rise และ Low Rise ต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ทั้งในด้านทำเลที่ตั้ง คุณภาพชีวิต และโอกาสในการลงทุน หากคุณกำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในเมือง หรือการลงทุนที่มีศักยภาพในระยะยาว ที่ Noble Development เรามีโครงการคอนโดพร้อมอยู่ให้เลือกบนหลากหลายทำเลศักยภาพ ใกล้รถไฟฟ้า พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน นัดหมายเข้าชมโครงการและลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่เว็บไซต์ของเรา

ข้อมูลอ้างอิง
1. กฎหมายต้องรู้ !ก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน-คอนโด. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 จาก https://www.bangkokbiznews.com/business/960958

โครงการเเนะนำ

เรื่องราวที่คุณอาจสนใจ
ดูทั้งหมด