คู่มือวิธีตรวจรับบ้านด้วยตัวเอง เช็กครบทุกมุมแบบไม่มีตกหล่น
ทุกองค์ประกอบของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นแสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านบานหน้าต่าง เสียงประตูที่ปิดสนิทอย่างนุ่มนวล หรือแม้แต่สัมผัสของพื้นไม้ใต้ฝ่าเท้า ล้วนมีส่วนในการสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้น สำหรับผู้ที่กำลังจะเป็นเจ้าของบ้าน ควรเตรียมตัวให้พร้อมและเข้าใจในรายละเอียดที่ควรตรวจรับบ้านว่าต้องตรวจอะไรบ้าง เพื่อช่วยให้การส่งมอบเป็นไปอย่างราบรื่น พร้อมเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิตด้วยความสบายใจในทุก ๆ ด้าน

เตรียมตัวอย่างไร ก่อนวันตรวจรับบ้านจริง ?
สำหรับวิธีตรวจรับบ้าน แน่นอนว่าการเตรียมความพร้อมคือสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อที่คุณจะได้สามารถมองเห็นรายละเอียดบางจุดที่อาจยังไม่เรียบร้อยและถูกมองข้ามในภายหลัง และช่วยให้การตรวจรับบ้านเป็นไปอย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น
1. ศึกษาพิมพ์เขียวของบ้านหรือแปลนห้อง
ก่อนวันตรวจรับบ้านจริง ควรกลับมาทบทวนพิมพ์เขียวหรือแปลนบ้านอีกครั้งโดยละเอียด เพราะนี่คือจุดอ้างอิงสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถเทียบตำแหน่งจริงกับแบบที่ตกลงกันไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นจุดติดตั้งปลั๊กไฟ สวิตช์ไฟ โคมไฟ หรือระบบน้ำประปา ทั้งหมดควรอยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานสะดวกตามที่ออกแบบไว้ หากพบว่ามีบางสิ่งผิดตำแหน่งไป สามารถแจ้งให้ทีมช่างทำการแก้ไขให้ได้ทันที
2. นัดเวลาให้เหมาะกับแสงธรรมชาติ
การเลือกเวลาตรวจรับบ้านควรอยู่ในช่วงแสงธรรมชาติเข้ามาเพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงสายถึงบ่ายแก่ ๆ เพราะแสงจากดวงอาทิตย์จะช่วยเผยให้เห็นพื้นผิวที่อาจไม่เรียบเนียน รอยแตกลายของผนัง หรือสีทาบ้านที่อาจไม่สม่ำเสมอ อีกทั้งในช่วงเวลานี้ยังจะช่วยเห็นได้ชัดเจนกว่าการพึ่งแสงไฟเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ แสงธรรมชาติยังช่วยให้เห็นสภาพแสงภายในบ้านจริง ๆ ในแต่ละห้องด้วย ซึ่งมีผลต่อการอยู่อาศัยในอนาคต และทำให้ประเมินได้ง่ายขึ้นว่าบ้านหลังนี้มีแสงสว่างเข้าถึงเพียงพอหรือไม่
3. เตรียมอุปกรณ์เบื้องต้น
- สมุดจดหรือแอปพลิเคชันจดบันทึก สำหรับจดรายการจุดที่สังเกตพบ พร้อมใช้ภาพถ่ายและแนบข้อความไว้เป็นหลักฐาน
- ไฟฉาย ใช้สำหรับส่องดูในบริเวณที่แสงเข้าไม่ถึง เช่น ใต้ซิงก์ ใต้บันได หรือภายในตู้
- ลูกแก้วหรือลูกปิงปอง สำหรับวางบนพื้นเพื่อดูความเรียบ ถ้าหากกลิ้งไปมาไม่หยุด อาจแปลว่าพื้นมีความลาดเอียง
- อุปกรณ์วัดระดับน้ำ เช่น Water Level หรือ Spirit Level ใช้ตรวจสอบความเอียงของผนัง บานประตู หรือโต๊ะบิวต์อิน เพื่อให้แน่ใจว่าได้ระดับพอดี ไม่เบี้ยวเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง
4. ใช้บริการผู้เชี่ยวชาญในการตรวจบ้าน
แม้ว่าการตรวจรับบ้านด้วยตัวเองจะสามารถทำได้ แต่ในบางกรณี การเลือกใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอาจเป็นทางเลือกที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจมากขึ้น เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มักมีประสบการณ์ตรง พร้อมมีอุปกรณ์เฉพาะทาง และมุมมองในเชิงเทคนิคที่ลึกซึ้งกว่า เช่น การใช้เครื่องมือวัดความชื้น ตรวจโครงสร้างพื้นฐานที่ซ่อนอยู่หลังผนัง หรือประเมินมาตรฐานการติดตั้งระบบต่าง ๆ นอกจากนี้ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งก็มักจะมีบริการตรวจบ้านโดยทีมเทคนิคของโครงการหรือจัดเตรียมผู้เชี่ยวชาญให้ตามข้อตกลงก่อนส่งมอบ ซึ่งสามารถสอบถามและใช้สิทธิประโยชน์นี้ได้ หากรวมอยู่ในแพ็กเกจการซื้อขาย
5. พาเพื่อนหรือคนในครอบครัวมาช่วยดูอีกแรง
นอกจากตรวจรับบ้านด้วยตัวเองแล้ว การมีคนร่วมตรวจบ้านด้วยจะช่วยเพิ่มมุมมองที่หลากหลาย เพราะแต่ละคนก็มีความถนัดในการสังเกตที่ไม่เหมือนกัน บางคนอาจสังเกตงานไม้ได้ละเอียดกว่า บางคนอาจดูทิศทางแสงได้ดีกว่า เป็นต้น ช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างรอบคอบมากขึ้น
6. ทำใจให้สบาย ไม่เร่งรีบ
วันตรวจรับบ้านคือช่วงสำคัญที่ควรใช้เวลาอย่างเต็มที่ในการทำความรู้จักบ้านของตัวเองอย่างถี่ถ้วน เพราะการเร่งรีบอาจทำให้คุณมองข้ามรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะส่งผลต่อการอยู่อาศัยในระยะยาวไปได้ เช่น กลิ่นอับ เสียงในท่อน้ำ หรือการทำงานของระบบระบายอากาศ ดังนั้น แนะนำให้เดินสำรวจทุกพื้นที่ในบ้านอย่างใจเย็น

Checklist ตรวจรับบ้านด้วยตัวเอง ต้องเช็กจุดไหนบ้างให้ครอบคลุม !
1. โครงสร้างหลัก
- พื้นบ้าน เดินสำรวจทุกห้องว่าระดับพื้นเรียบเท่ากัน ไม่มีการยวบหรือเสียงผิดปกติ
- ผนังบ้าน ตรวจหารอยแตกร้าว สีไม่สม่ำเสมอ หรือมีรอยซ่อม
- ฝ้าเพดาน สังเกตความเรียบร้อยของการติดตั้ง ไม่มีคราบน้ำหรือความชื้น
- บันไดและราวจับ ต้องแน่นหนา ไม่โยก ไม่มีเสียงดังขณะเดิน
2. ระบบไฟฟ้า
- ตรวจตำแหน่งปลั๊กไฟ สวิตช์ไฟ และโคมไฟว่าติดตั้งครบตามแปลนหรือไม่
- ทดลองเปิด-ปิดไฟทุกดวง เพื่อเช็กว่าติดทันที ไม่มีเสียงซ่า หรือไฟกะพริบ
- เปิด-ปิดปลั๊กไฟด้วยอุปกรณ์ง่าย ๆ เช่น ที่ชาร์จมือถือ
- ตรวจเมนเบรกเกอร์ว่าอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย ใช้งานง่าย
3. ระบบประปาและสุขภัณฑ์
- เปิดน้ำจากก๊อกและฝักบัวทุกจุด เพื่อเช็กแรงดันและการระบายน้ำ
- กดชักโครกเพื่อตรวจสอบการไหลและการตัดน้ำ
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีรอยรั่วบริเวณข้อต่อหรือใต้ซิงก์ล้างจาน
- ตรวจสภาพอ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ (ถ้ามี) ว่าติดตั้งเรียบร้อย ไม่มีรอยร้าว
4. ประตู หน้าต่าง และงานเฟรม
- เปิด-ปิดประตูและหน้าต่างทุกบาน เพื่อเช็กว่าลื่นดี ไม่ติดขัด
- ตรวจสอบระบบล็อก มือจับ และกลอนต่าง ๆ ว่าสามารถใช้งานได้ดี
- ตรวจสอบขอบวงกบว่ามีการติดตั้งซีลกันเสียงและกันฝุ่นเรียบร้อย
- ตรวจสอบวัสดุอะลูมิเนียมหรือบานพับว่าไม่บิดเบี้ยวหรือขึ้นสนิม
5. ระบบระบายอากาศและกันความชื้น
- ห้องน้ำต้องมีช่องระบายอากาศ หรือพัดลมดูดอากาศ
- ถ้ามีระบบ Fresh Air หรือถ่ายเทอากาศภายในบ้าน ควรถามถึงวิธีดูแลและการใช้งานมาอย่างละเอียด
6. พื้นที่รอบบ้าน (กรณีบ้านเดี่ยว)
- แนวระบายน้ำรอบบ้าน ต้องเอียงลงท่อระบายน้ำ ไม่มีน้ำขัง
- โครงการบ้านเดี่ยวที่มีสนามหญ้าหรือสวน มีระบบน้ำดี ระบายน้ำได้ ไม่เป็นโคลน
- รั้วบ้านหรือทางเข้าไม่มีรอยร้าวหรือสีหลุดลอก
7. รายการอื่น ๆ
- เฟอร์นิเจอร์ Built-in (ถ้ามี) ต้องติดตั้งตรงจุด ไม่มีรอยขีดข่วนหรือบิ่น
- วัสดุปูพื้น เช่น ไม้ กระเบื้อง ลามิเนต ควรเรียบ ไม่มีช่องว่าง
- ระบบสัญญาณหรือสมาร์ตโฮม (ถ้ามี) ต้องสามารถเปิดใช้งานได้จริง
บ้านเป็นมากกว่าสถานที่อยู่อาศัย และเป็นพื้นที่ที่รองรับทุกช่วงเวลาสำคัญในชีวิต วิธีตรวจรับบ้านจึงเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้เจ้าของบ้านได้ทำความรู้จักและเข้าใจพื้นที่ของตนเองในทุกมิติ ตั้งแต่รายละเอียดของโครงสร้างไปจนถึงการวางระบบต่าง ๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ยิ่งเตรียมตัวอย่างเป็นระบบ ยิ่งทำให้การตรวจรับบ้านด้วยตัวเองเป็นเรื่องง่าย สร้างความมั่นใจในการเริ่มต้นชีวิตบทใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ค้นหาบ้านที่ตอบโจทย์ทั้งดีไซน์ คุณภาพ และความใส่ใจในทุกรายละเอียด พบกับโครงการบ้านเดี่ยวจาก Noble Development ที่มาพร้อมโปรโมชันบ้านสุดพิเศษ พร้อมส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือระดับ ในหลากหลายทำเลศักยภาพทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล นัดหมายเข้าชมห้องตัวอย่าง และลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษได้แล้ววันนี้ที่เว็บไซต์
ข้อมูลอ้างอิง:
- ตรวจรับบ้านด้วยตัวเองต้องดูอะไรบ้าง. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 จาก https://blog.ghbank.co.th/what-to-do-about-home-inspection/.
- ตรวจรับบ้านด้วยตัวเองไม่ยาก พร้อม Cheklist ที่จะช่วยคุณได้. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.lh.co.th/th/blogs/living-tips/checklists-home-inspection.